การเลือก Air Filter ปั๊มลม

การเลือก Air Filter ปั๊มลม

Air filter โดยทั่วไปจะมีอยู่ 2 ประเภท คือ

  • Surface Filter
  • Depth Filter

air filter

Air Filter ชนิด Surface Filter

เปรียบเสมือนมุ้งลวด หลักการทำงานคือ อนุภาคที่ใหญ่กว่าขนาดของรูของมุ้งลวดจะถูกกั้นไว้ และส่วนที่เล็กกว่าจะผ่านไปได้ ดังนั้นขนาดของการกรองขึ้นอยู่กับขนาดของรูเหล่านี้จะเล็กกว่าหรือใหญ่กว่า

Air Filter ชนิด Depth Filter

ส่วนใหญ่ Air filter ประเภทนี้จะทำมาจากไมโครไฟเบอร์ ซึ่งมีลักษณะเป็นเส้นใยเล็กๆ วางซ้อนกันอยู่หลายๆ ชั้น การกรองไม่ได้อาศัยแค่รูเป็นตัวกำหนดความละเอียดในการกรอง แต่อาศัยหลักการกรองทั้งหมด 5 อย่างคือ

  1. Direct Impact ในกรณีที่อนุภาควิ่งเข้ามากระทบโดยตรงกับไฟเบอร์ก็จะถูกจับยึดไว้
  2. Inertial Effect ในกรณีที่อนุภาควิ่งแฉลบผ่านไฟเบอร์ ก็จะทำให้อนุภาคมีความเร็วลดลงและเมื่อกระทบกับไฟเบอร์เส้นถัดๆไปก็จะถูกจับยึด
  3. Diffusion Effect ในกรณีที่อนุภาคเล็ก การเคลื่อนจะไม่เป็นเส้นตรง แต่จะไหลเป็นซิกแซกไปเรื่อยๆ ถ้าสามารถผ่านเส้นไฟเบอร์แรกไปได้ก็จะถูกจับไว้ได้ไฟเบอร์เส้นถัดๆ ไป
  4. Electrostatic Effect ในกรณีที่อนุภาคเล็กมาก (0.01 ไมครอน)  เมื่อเคลื่อนที่ผ่านไฟเบอร์ 2-3 ชั้นแรก ก็จะเกิดการเสียดสีทำให้เกิดไฟฟ้าสถิตขึ้นในอนุภาค ทำให้เกิดแรงยึดเหนี่ยวระหว่างไฟเบอณ์ กับ อนุภาคนั้นๆ
  5. Adsorption Effect เป็นผลจากการวิ่งกระทบไฟเบอร์ของอนุภาคไฟเบอร์ ซึ่งมีความนุ่มในตัวจะจับยึดอนุภาคไว้โดยการดูดซับเข้าไปในเนื้อของไฟเบอร์

Air Filter ที่ดีควรจะประกอบไปด้วย pre-filter stage และ final stage ในตัวเดียวกัน และควรจะมีวัสดุที่ไม่มีสารแม่เหล็กเป็นตัว support ของโครงสร้างของไส้กรอง เพราะดังที่กล่าวไว้แล้ว อนุภาคบางตัวจะเกิด electrostatic effect ซึ่งถ้า support เป็นสารแม่เหล็ก อนุภาคเหล่านี้จะไปเกาะอยู่ที่ support แทน การกรองขั้นตอนสุดท้าย ก็จะมีโฟมหุ้มรอบตัวไส้กรองไว้เพื่อคอยดูดซับน้ำมันและน้ำ และปล่อยให้ตกลงด้านล่างซึ่งต้องมีตัวระบายอัติโนมัติ (Auto-drain) ติดตั้งอยู่ด้านล่าง

 

Air Filter

 

ขอขอบคุณข้อมูลจากเว็บไซต์ kaowna.co.th

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *